เมื่อคำว่า “ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
กลายเป็นเกราะป้องกันความอัปยศ ของกรรมการตัดสิน
แต่เป็นตราบาปและความเจ็บช้ำของผู้เข้าแข่งขัน

 

จากภาพรวมของการให้คะแนนเช่นนี้
นักเรียนกลุ่มหนึ่งจึงพยายามร้องขอความเป็นธรรม แต่ประธานศูนย์ฯ การแข่งขันก็ไม่นำพา
บอกเพียงว่า เขาตัดสินไปแล้วก็ถือว่าสิ้นสุด และเมื่อขอความเป็นธรรมจากผู้รับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น
ก็ได้รับคำตอบว่า “มันตัดสินไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้หรอก หากตัดสินใหม่มันก็จะวุ่นวายทั้งจังหวัด ใครต่อใครก็จะเอาอย่าง
ต่อไปก็จะหากรรมการมาตัดสินไม่ได้” ก็คงเป็นอย่างที่ท่านพูด หากไม่โปร่งใส ไม่ตรงไปตรงมา ไม่ยุติธรรม
ใครต่อใครก็ย่อมประท้วง และควรประท้วง ไม่มีวันจบสิ้น จึงเป็นบทเรียนว่า กรรมการควรมีคุณภาพ เอาจริงเอาจัง
ว่ากันไปตามกติกา ให้สามารถตรวจสอบได้ ไม่ใช่ตัดสินแบบงงๆ มันจึงจะทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น
ทุกฝ่ายสามารถยอมรับได้ ไม่จำเป็นต้องขอร้องให้ยอมรับ
ซึ่งมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อย่างที่เป็นอยู่


ถ้าหากมีความจริงใจในการแก้ปัญหา และยึดความยุติธรรมเป็นที่ตั้งแล้ว ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้
ถึงแม้กรรมการจะตัดสินไปแล้ว ดังเช่น สพป.ร้อยเอ็ด เขต 3

(ดูภาพประกอบ)


นี่คือตัวอย่างความสง่างาม ที่ สพป.ร้อยเอ็ด เขต3 แสดงให้เห็น
เขาประกาศยกเลิกผลการแข่งขันอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ที่มีการคัดค้านผลการแข่งขัน และนัดแข่งขันกันใหม่
เพียงเพื่อผดุงความยุติธรรม เพื่อให้โปร่งใส ตรงไปตรงมา และตรวจสอบได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม

เพราะมนุษย์เราไม่มีใคร ดีทุกอย่าง หรือชั่วทั้งหมด
ทุกคนมีโอกาสผิดพลาดหรือบกพร่องได้
เพียงแต่เราพร้อมจะยอมรับ ยอมปรับปรุงหรือไม่

โดยเฉพาะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ที่ยิ่งต้องทำให้น่าเคารพ เชื่อถือ ทำให้เห็นเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์
หากรู้ว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้องแล้วยังดันทุรังต่อ นอกจากจะไม่ได้รับความเคารพศรัทธาแล้ว

สิ่งที่ได้ก็จะมีแต่เสียงก่นด่า คำสาปแช่ง

และเช่นเดียวกันกับวันนี้ ที่ไม่ว่าท่านจะอยากจะให้มีเสียงสะท้อนแบบนี้หรือไม่ก็ตาม
แต่เด็กกลุ่มหนึ่ง ที่เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
เขาได้ร่วมกันสรรเสริญท่านแล้ว และขอให้ท่านได้รับมันอย่างกับพวกเขาหรือมากกว่าอีกหลายเท่า
ก็ได้แต่ภาวนาว่า.. อย่าให้มันเกิดขึ้นกับท่านเลย