เมื่อคำว่า “ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
กลายเป็นเกราะป้องกันความอัปยศ ของกรรมการตัดสิน
แต่เป็นตราบาปและความเจ็บช้ำของผู้เข้าแข่งขัน

               เป็นเรื่องปกติที่ทุกการแข่งขันจะมีผู้แพ้และผู้ชนะ
เพียงแต่การแข่งขันนั้น หากกรรมการตัดสินด้วยความเป็นธรรม
โปร่งใส ตรงไปตรงมา ยึดตามกฎเกณฑ์การตัดสิน ผู้เข้าแข่งขันย่อม
ยอมจำนนต่อผลการตัดสิน แต่ตรงกันข้ามที่ ผลการตัดสินนั้น
ไม่เป็นไปตามที่แนวทางดังกล่าว การประท้วงก็มักจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


               เช่นเดียวกับเรื่องราวการแข่งขันของนักเรียน
เพื่อหาตัวแทนเข้าแข่งขันทักษะงานศิลปหัตถกรรม ปี 2557
ในรายการแข่งขันภาพยนตร์สั้น ของนักเรียน ม.ปลาย
สังกัด สพม. เขต 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา
ที่นักเรียนกลุ่มหนึ่ง ยื่นประท้วงขอความเป็นธรรม
แม้ว่าจะมีเหตุผล หรือหลักฐานใดๆ
การเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากผู้มีส่วนรับผิดชอบในหลายระดับ
จึงจบลงด้วยข้อความที่ว่า กรรมการได้ตัดสินไปแล้ว จะเปลี่ยนอะไรไม่ได้
และที่สำคัญจะใช้ข้อความประกาศิตว่า

ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

ในโลกนี้ มี กฎหมาย กฎเกณฑ์ และกติกามากมายที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางให้สามารถอยู่ร่วมกันได้
แต่สิ่งเหล่านั้น มักจะมีข้อยกเว้นไว้ให้เสมอ เพื่อผดุงความยุติธรรมและให้โอกาสสำหรับผู้ด้อยกว่า แต่ในการแข่งขันรายการเล็กๆ นี้
หากแม้นว่า มันไม่เป็นธรรมจริง เหตุใดเล่าจึงไม่ทบทวน สิ่งที่ผู้มีอำนาจพยายามทำ กลับกลายเป็น
ให้ฝ่ายประท้วงยินยอมรับผลการตัดสิน แม้ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

เพียงเพื่อไม่อยากให้วุ่นวาย และไม่ต้องการให้ใครๆ เอาแบบอย่าง
เมื่อเป็นอย่างนี้
จะหาความเที่ยงธรรมจากที่ใด จะหาศรัทธาเชื่อมั่นต่อการแข่งขันทั้งครั้งนี้และครั้งต่อๆ ไปได้อย่างไร และที่สำคัญ
มันเป็นตราบาปที่ติดอยู่ในใจ พวกเขาจะเติบโตขึ้นไปพร้อมกับความเกลียดชัง
ที่บ้านเมืองของเขามันหาความยุติธรรมไม่ได้
และ เมื่อวันหนึ่งเขามีอำนาจบ้าง
พวกเขาจะไม่ทำเช่นเดียวกันกับที่เขาได้รับในวันนี้หรือ!!